ความสนใจเป็นวงกว้าง จากการที่อุตสหกรรมต่างๆเติมโตขึ้น
อย่างรวดเร็ว จนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ธรรมชาติและวิถี
ชีวิตของผู้คน
มีองค์กรสีขาวหลายแห่งพยายามกอบกู้ผลกระทบเหล่านี้
กิจกรรมทางการกุศลมากมายจึงถือกำเนิดขึ้น ซึ่งโครงการ
ประวัติศาสตร์ที่แซ่บสุดคงไม่พ้น we are the world ซิงเกิ้ล
หาทุนช่วยภัยแล้งแอฟริกา ที่ได้รวบรวมนักร้องอเมริกันกว่า 45
ชีวิต มาช่วยกันขับขานบทเพลงแบบที่ร้องกันคนละท่อน ใครดัง
มากจะได้สองท่อน เรียกว่าประสบความสำเร็จถล่มทลายทั้งเงิน
ช่วยเหลือและรางวัลอีกสารพัด เป็นผลงานมาสเตอร์พีชอีกชิ้น
ของราชาเพลงป๊อบ ไมเคิล แจ๊คสัน กับ ไรโอเนล ริชชี่ ที่ช่วยกัน
แต่งและเรียบเรียงเสียงประสานจนออกมากลมกล่อม งานนี้แม้ไม่
ได้ลูบเป้า แต่ก็ทำให้ไมเคิลหน้าบานจนต้องกลับไปศัลยกรรมอีกหลายอีกครั้ง ถึงขั้นมีโฆษณาหลายชิ้นในบ้านเรานำมาล้อเลียน
กันอย่างสนุกสนานอาทิ แฟลตปลาทอง ที่ได้ดาวตลกทั่วฟ้าเมือง
ไทยมาร่วมแสดงจนห้องชุดขายดีในชั่วข้ามคืนเลยที้ดียว ในวัย
สี่สิบอัพต้องจำได้ทุกคน
ทางฝั่งประเทศไทยของเราก็ไม่ได้น้อยหน้า เรามีโครงการอีสาน
เขียวที่หาเงินช่วยภัยแล้งให้กับภาคอีสาน ศิลปินเพื่อชีวิตเกือบทั้ง
ประเทศไทยมายืนเบียดกันจนเกือบตกเวทีบนคอนเสริต์ที่ต้องถูก
จารึกในหน้าประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย กับซิงเกิ้ลพิเศษ ชีวิต
สัมพันธ์ งานประพันธ์โครตจ๊าบจากปลายปากกาของน้าแอ๊ดคารา
บาว ที่ยังคงใจดีแบ่งให้เพื่อนร้องไปคนละท่อน ยกเว้นตัวเองซึ่ง
เป็นคนแต่งเลยได้หลายท่อน ก็ใครจะทำไม
กระแสรักโลกมีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกิด Earth Day หรือวัน
คุ้มครองโลกที่กำหนดให้เป็นวันที่ 22 เมษายน ของทุกปี ทาง
บริษัทแกรมมี่ที่เห็นถึงความสำคัญในวาระนี้ จึงจัดคอนเสริต์ใหญ่
การกุศล และนำเพลงโลกสวยด้วยมือเราที่แต่งขึ้นใหม่มาให้ซุป
ตาร์ในสังกัดช่วยกันร้อง ก็คนละท่อนอีกนั่นละ ยกเว้นพี่เบริด์เอา
ไปสองท่อนอีกแล้ว ทำไมทุกที่ต้องมีคนแบบนี้ ? และที่ได้ใจไป
เต็มๆ คือทุกอัลบัมของแกรมมี่ในเวลานั้น จะต้องสอดแทรกบท
เพลงกึ่งเพื่อชีวิตที่มีความหมายดีๆ แสดงถึงความรับผิดชอบต่อ
สังคมที่น่าชมเชยยิ่ง คนที่ดีใจสุดคงไม่แพ้ตัวศิลปินเอง จะได้ร้อง
มันคนเดียวโดยไม่ต้องแบ่งใครอีก เย้ เย้ ! น้ำตาจะไหล
น่าเสียดายจากวันนั้นจนวันนี้โลกก็ไม่เห็นจะดีขึ้นเลย แถมยังเลว
ลงซะด้วยซ้ำ เทคโนลีที่ทันสมัยถูกคิดค้นขึ้นมาเยียวยาโลกตั้ง
มากมาย แต่ก็โดนหักล้างด้วยเทคโนโลยีกว่าในการทำลาย ให้
กลับมาสิ้นหวังอีกเช่นเคย
เกริ่นซะยาวแค่จะบอกว่าไปร่วมงาน Earth Day 2018 กับเขามา
บรรยากาศวันคุ้มครองโลกในยุคนี้ช่างดูเงียบเหงา ขาดสิ่งจุงใจ
หรือตัวกระตุ้นให้ผู้คนหันมาพูดถึง
โลกไม่ได้สวยด้วยมือเราอีกแล้วหรือ ?
we aren't the world แล้วใช่มั้ย ?
นอกจากงานบรรยายทางวิชาการที่ไม่ดึงดูดใครแล้ว ศิลปะที่ติด
ตั้งไว้โดยรอบก็ดูเหมือนจะมีพลังไม่มากพออีกด้วย
ลูกบอลยักษ์นี้มีปริมาณเท่ากับก๊าซเลือนกระจก 1 ตัน
ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรื่อนกระจก 305.52 ตัน ในปี 2554
เท่ากับลูกบอลยักษ์สีสด 305 ล้านลูก
โลกมันถึงร้อนขึ้นไงละจ่ะ พูดแล้วอยากอาบน้ำ
งาน 3D ถ้าไปเหยียบจะตกมั้ยเนี่ย
ปลาวาฬตะกละที่กินขยะเข้าไปมาก
หมียักษ์ที่ทำจากถุงพลาสติก
ปะการังเทียมสามมิติ ขึ้นรูปด้วยเศษคอนกรีตรีไซเคิล
ปลานิลที่แต่งด้วยฝาขวด
เต่าล้านปีกับพื้นร้องเท้ายาง ใครจะอายุยืนกว่ากัน ?
แคมเปรและกิจกรรมจากหน่อยงานอื่นยังพอมีให้เห็นอีกในบาง
พื้นที่ แม้จะมีการแจกต้นไม้ หรือ รณรงค์ให้ใช้ถุงยาอนามัยแบบ
ผ้า แต่ที่สุดแล้วคงไม่มีอีเว้นใดจะช่วยฟื้นฟูโลกใบนี้ได้เท่ากับ
การที่ทุกคนต่างมีจิตสำนึกด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เราคงต้องกลับมาสวมจุงกระเบนโชว์กล้ามกันอีกแน่ เพราะว่าร้อน
สะใจพี่เหลือเกิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น