วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561

ควังจู Gwangju !! เกาหลีไม่มีโหล ( ตอนที่ 2 )



Gwangju Fringe Festival ตรงกับช่วงวันหยุดยาวของเกาหลี
ประชากรส่วนนึงออกไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งทำให้ผู้จัดกังวลอยู่ว่า
จะมีใครมาชมผลงานของพวกเรารึป่าว
ด้วยความเกรงใจล่ามอาวุโส เช้านี้จึงตกลงกันว่าผมจะเดินทางไป
เอง ซึ่งก็อวกเลย เดินลากกระเป๋าสามใบจากที่ใกล้ๆก็เหมือนไกล

Democretic Square ดูคึกคัก เพราะมีการจัดบูทและเตรียมงาน
กันอย่างเร่งรีบ  ผมได้เจอนักแสดงเกาหลีอีก 9 กลุ่มที่ตามสมทบ บางคนเคยมาเล่นที่เมืองไทยก็พอจะคุ้นเคยกันอยู่บ้าง ใกล้เวลาที่
งานจะเริ่มแล้ว พร้อมแต่ยังตื่นเต้นหน่วงๆเหมือนทุกครั้ง


โอ้ พระเจ้า !! แดดร้อนอะไรเช่นนี้ ถ้ามีหิมะหลงฤดูตกมาซักก้อน
ก็คงดี  คิวแรกบ่าย 3 ใครเล่นก่อนนี่ซวย ซึ่งตามธรรมเนียมจะเป็น
นักแสดงท้องถิ่น  ฮ่า อาศัยว่าบ้านเราอยู่ไกล กว่าจะเริ่มโชว์ก็ใกล้
ค่ำพอดี ค่อยยังชั่ว

ฟันเฟืองแห่งความสนุกดำเนินไปอย่างหน้าชื่นตาบาน ผู้ชมมาออ
ดูกันเต็มพื้นที่  ไอ้เราก็มั่วนั่งกลืนไปกับเขา พอจะถึงคิวดันปวด
ท้องซะนี่ ทั้งที่ขี้มาจากเมืองไทยแล้ว ทำไงดีชุดก็ถอดยาก ไปจัด
การให้เรียบร้อยแล้วเตรียมตัวทำงานดีกว่า

ด้วยโชว์ที่นำไปควังจูเกือบทั้งหมดยังไม่เคยเล่นที่ไหนมาก่อน
แม้แต่ที่เมืองไทย แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ผู้ชมซึ่งเห็น Nong
Hao เป็นนักแสดงต่างชาติก็จะให้ความสนใจเป็นพิเศษหน่อยนึง
ระหว่างนั่งปล่อยใจ มีเด็กคนนึงมายืนเท้าสะเอวแล้วบอกว่า ..
ฉันเคยไปเมืองไทย
พ่อฉันก็เคยไปเมืองไทย
แม่ฉันก็ไปเมืองไทย
พี่ฉันก็ไปเมืองไทย
น้องฉันก็ไปเมืองไทย
แล้วก็ไล่ให้ฟังอีกยาว สรุป โครตเง่าเคยมาเมืองไทยหมด
พูดวนไปวนมาแบบนี้อยู่หลายรอบ
จะลากไปกระทืบมันก็ไม่ใช่บ้านเราที่จะทำอย่างนั้นได้


เมื่อมีเวลาก็เที่ยวต่อดีกว่า ซึ่งความจริงก็ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมที่
เขาวางไว้ แต่ด้วยความอนุเคราะห์จากพ่อล่ามใจดี ก็เลยมีโอกาสได้ซอกแซกมากหน่อย นั่งรถไปรอบเมืองถนนเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่
รู้สึกได้เลยว่าควังจูเป็นเมืองที่ฮิปมาก ทุกซอกมุมเต็มไปด้วยศิลปะ
แบบจัดวางอยู่ทั่วไปหมด  ร้านรวงก็น่าเข้า คอกาแฟมีที่เก๋ๆให้นั่ง
จิบเยอะเชียว

รถของผมจอดเทียบหน้าวงเวียนน่ารักๆแห่งนึง บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเพนกวิน Penguin Village ที่ทำให้นึกถึงด๊อกเตอร์
สลัมขึ้นมาทันที ผมมองหาอาราเล่แต่ไม่มี  เจอแต่งานศิลปะแนว
สื่อผสมกับอินสตอเลชั่นที่ดูรกๆเรียงรายอยู่เยอะแยะ จนทำให้ที่นี่
ดูมีสีสัน นักท่องเที่ยวสาวแนวคิกคุเยอะเชียว
ล่ามคงเห็นผมเหมาะกับที่นี่จึงพามา


จากนั้นเราก็เดินทางไปต่อกันที่ Observatory tower ซึ่งเป็น
เป็นจุดชมวิวแบบเดียวกับ N-Tower ของกรุงโซล แต่อาจจะเล็ก
กว่านิดหน่อย และไม่มีการคล้องแม่กุญแจเพื่อผูกมัดใคร


น่าจะเป็นอีกสถานที่สำคัญเพราะมันทำให้เห็นควังจูโดยรอบแบบ
360 องศา .. ไม่ใช่ฟาเรนไฮด์นะ !!


ตอนกลับเอารูปไปอวดเพื่อนๆ ทุกคนดูจะตื่นเต้นกันมาก เพราะ
นักแสดงส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานก็ไม่ใช่คนควังจู หากแต่มาจาก
แต่ละพื้นที่ของเกาหลี เมื่อดื่มด่ำกับทัศนียภาพจนได้ที่ ถึงเวลา
ต้องรีบกลับเช่นเคย เพราะก๊วนนี้เขาประชุมกันตลอดเวลาจริงๆ
สิ่งที่ได้มาคือน้ำอัดลมเต็มท้อง ก็เลอทักกันทุกคืน


หากจิตรกรรู้จักกันผ่านลายเส้น นักแสดงก็รู้จักกันผ่านโชว์ของ
พวกเขาเช่นกัน ไม่ต้องคุยอะไรกันมาก ดูงานกันและกันก็พอจะ
มองออกว่ารสนิยมและความถนัดของแต่ละคนเป็นอย่างไร ยิ่งถ้า
เป็นนักแสดงละครใบ้ด้วยแล้ว แค่เห็นรูปร่างก็จะคาดเดาเนื้องาน
ได้ในระดับนึงทันที เพราะการแสดงมันคือภาษาชนิดนึงนั่นเอง

หลังจบงานจึงมีแต่การพูดคุยสัพเพเหระ ถามไถ่ทุกข์สุขเรื่องปาก
ท้องตามสไตล์คนทำศิลปะที่ย่อมเจอปัญหาไม่ต่างกันมากนัก
ที่น่าใจหายก็คือเพื่อนบางคนในทริปนี้ ที่เราอาจจะไม่ได้พบกันอีก
เลย สุดแล้วแต่โชคชะตา พามาเจอ พามาจาก อวยพรกันข้ามคืน
ให้ Good Luck กันไป

วันพักผ่อนต้องใช้ให้เต็มที่ สถานีต่อไป Traditional Center
เป็นศูนย์วัฒนธรรมของเขาที่มาถึงแล้วก็ประทับใจทันที คือมัน
ไม่เหมือนวังทั่วๆไปที่พบบ่อยในเกาหลี  มีความเป็นประสาท
และดู ZENๆ คล้ายวัด ด้านในมีศิลปะโบรานให้เยี่ยมชม และที่
สำคัญเมื่อมาถึงแล้วต้องจิบชาด้วย เพราะถือเป็นความภาคภูมิใจ
และสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่
เจ้าหน้าที่เริ่มชงสดให้ดูบนโต๊ะไม้เก่าแก่ที่เรานั่ง
ประเพณีโบราณที่มีมากว่าพันปีกำลังถูกชุบชีวิตให้คืนมาอีกครั้ง
กาน้ำพริ้วไหวโบกสะบัด พอจ้องนาๆก็เผลอร่อนเอวตามไปสองที
จอกแรกหมายถึงอาคันตุกะ หันซ้ายแลขวา อ้าว ของกูเหรอ ?
จิบนี้ขอดื่มเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์
อึม บอกเลย ร้อนฉิบหาย ..
ไม่เตือนกันเลยวะ !! ผมหันไปจิกตาใส่ล่ามด้วยความอาฆาต
พูดตรงๆ ชิมไปก็ไม่รู้สึกอะไร เคยซัดแต่ชาดำเย็น ของดีคืออะไรเลยไม่รู้จัก  คิดไปคิดมาเดินออกไปสูดอากาศชมวิวข้างนอกยัง
สนุกกว่า ทราบว่าที่นี่ยังเป็นสถานที่ไว้จัดงานสำคัญๆของควังจู
อีกด้วย


เราแช่อยู่ที่ Tranditional canter กันนานพอสมควร
ไปไหนล่ามของผมก็บอกเค้าไปทั่ว ว่าผมเป็นศิลปินมาจากเมือง
ไทย แรกๆก็พอรับได้ คิดซะว่าเป็นการโปรโมทเทศกาลของเรา
ไปในตัว แต่ในเมื่องานจบแล้วก็เผลาๆหน่อยเถอะ มันเขิลวะ

ให้คนแก่พาเที่ยวเยอะๆก็เกรงใจนะ  บางครั้งต้องเดินติดต่อกัน
นานๆก็กลัวว่าเขาจะเหนื่อย กว่าจะคิดได้ก็จะกลับอยู่ละ ทบทวนดู
แล้วกลับไปเดินแกลลอรี่และช๊อปปิ้งใกล้ที่พักดีกว่า ศิลปะบอกเรา
ได้ทุกอย่างเกี่ยวกับเมืองนี้ และรวมถึงคนที่นี่


ไปๆมาๆกลายเป็นว่าผมมีล่ามสองคนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ
ทั้งสองผลัดกันดูแลนักแสดงต๊อกต๋อยคนนี้เป็นอย่างดี ที่ไม่ได้
เอ่ยชื่อเลยตั้งแต่เล่ามาเพื่อให้ง่ายต่อการรวบเนื้อหาให้กระชับ
เท่านั้นเอง คนนึงชื่อ Gil Teak Lim ส่วนอีกคน DO Wan Kim ทั้งสองไม่ธรรมดา ผมรักพวกคุณมากเลย

เอาเป็นว่าจบทริปควังจู ที่ซึ่งผมได้กีดเลือดสาบานกับพวกเขาว่า
จะพยายามเชิญชวนเพื่อนๆที่เมืองไทยมาลองเที่ยวให้จงได้
สำหรับผมควังจูไม่ได้ดีไปกว่าเมืองอื่น แต่เป็นทางเลือกที่น่า
สนใจสำหรับคนที่ท่องแดนโสมมาจนพรุนหมดแล้ว มันอาจจะไม่มี
สนามบิน แต่การเดินทางมาถึงนี่ก็ไม่ได้ลำบากนัก
นอกจากสถานที่ซึ่งได้เกริ่นไปแล้วทั้งหมด ควังจูยังมีวัดจึงซิมซา ทะเลสาบควังจูโฮ  อุทยานแห่งชาติมูดึงซาน  พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน
ควังจู  หน้าผาจูซังจอ  สวนซามกัม และอีกมากมายแหล่งท่อง
เที่ยว เสียดายที่มาทำงานเลยไปได้ไม่หมด  ถึงเวลากลับบ้านเรา
แล้วครับ และหวังว่าคงจะได้กลับมาอีก คัมซานิดา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความลับอิคิวซัง ! เผยไต๋ไอเดียปิ้ง

อิคิวซังคือใครคงไม่ต้องเท้าความกันให้มาก ตอนเด็กๆผมก็เคยเป็นคนนึงที่ตื่นเต้นกับความสามารถสุดล้ำ ของเณรน้อยเจ้าปัญญาผู้นี้ เพราะเพียงแค่เอา...