วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

เมื่อฉันสบตากับคนตาบอด 500 คน

รับอาสาช่วยทำกิจกรรมกับผู้พิการทางสายตา!!
ผมเห็นขอความนี้บนหน้าจอเฟสบุ๊คในคืนนึง
ไม่มีรายละเอียดอื่นใดมากไปกว่าการที่เราจะต้องเจอ
คนตาบอดถึง 500 คน
เยอะนะ ไม่มั่นใจเลยว่าเราจะไปช่วยอะไรเค้าได้
กลัวเป็นตัวถ่วงอยู่เหมือนกัน แต่เอาเถอะ ถ้ามีใจก็ไปกัน

9 โมงเช้าผมมาตามนัดเพื่อรวมกลุ่มกับเพื่อนๆจิตอาสา
เรามากันสิบกว่าชีวิต ซึ่งน้อยกว่าจำนวนที่ต้องการมาก
มีการแนะนำตัวกันเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นศิลปินในแวดวง
การละคร โดยมีพี่แอ๋มเจ้าของโพสระดมพลเป็นแม่งาน
เบื้องต้นเหมือนยังไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอะไรกันดี สำหรับคนตา
บอดในวันนี้ เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่จบในครั้งเดียว เวลาก็มีเพียง
2-3 ชม.สำหรับแต่ละกลุ่ม  ซึ่งก็คงจะปลูกฝังหรือหวังผลอะไรได้
ไม่มาก อย่างไรเสียพวกเรารีบแบ่งกันเป็นสองทีม แล้วแยกกันไปออกแบบคลาสของตัวเองอย่างเร่งด่วน
ความรู้ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการแสดงถูกนำออกมากอง
ใครมีทักษะหรือประสบการณ์แบบไหนก็หยิบยกมาเลือกกัน
จากที่มาอย่างงงๆ  ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าบทบาทของจิต
อาสาในครั้งนี้คืออะไร แล้วจะอยู่กับคนตาบอดเหล่านี้ได้ด้วยวิธี
ไหนบ้าง


ความที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ผู้พิการทางสายตาได้มี
ศักยภาพมากขึ้น เบื้องต้นจึงรับสมัครผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศ
ให้มาเข้าอบรม โดยคนตาบอดเกือบทั้งหมดนั้นก็มีความเป็น
ศิลปินกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทักษะทางดนตรีหรือร้องเพลง
กิจกรรมของเราเปรียบเสมือนสนามเด็กเล่นและห้องสอบ จาก
500 คน จะมีเพียงครึ่งเดียวที่ถูกคัดให้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้ง
ต่อไป แล้วก็จะถูกคัดอีกเพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณภาพ โดยดูจาก
ความสามารถและความกระตือรือร้นที่เราพอจะสัมผัสได้

ผมเรียนรู้เรื่องการแตะตัวและอีกหลายอย่างเพื่ออยู่ร่วมกับคน
ตาบอดตลอดหนึ่งวันนี้  ที่สำคัญคือต้องพาพวกเขาไปถึงจุดที่
เราหวังจะทำร่วมกันด้วย
ทีแรกก็กังวลเหมือนกันว่าจะไปรอดมั้ย แต่เกินคาดเพราะคนตา
บอดที่มาร่วมกิจกรรมต่างก็มีใจกันอยู่แล้ว จึงรับฟังและพร้อมที่
จะร่วมสนุกกันเป็นอย่างดี

บรรยากาศช่วงแรกอาจจะสะดุดไปบ้าง ด้วยคนจำนวนมากรวม
ถึงเหล่าวิทยากรทั้งหลายก็ยังมึนๆ เรียงเรื่องราวและคำพูดกัน
ไม่ค่อยจะถูก แต่พอเครื่องร้อนก็ไหลอยู่นะ ไม่ใช่ขี้

ไม่รู้เราจะสอนเค้าหรือเค้าสอนเรากันแน่ ทันทีที่เห็นคนตาบอด
เกาะไหล่เดินตามกันเป็นแถวยาว ไม่ว่าจะยามกินข้าว เข้าห้องน้ำ
หรือมาอบรม ผมทราบซึ้งทันทีถึงทุกสิ่งที่มากระทบสายตาอยู่ใน
เวลานั้น การมองเห็นตามธรรมชาติของมนุษย์ช่างเป็นความ
สามารถที่น่าภาคภูมิใจและมีความหมายซะจริง ได้แต่บอกตัวเอง
ว่าต่อไปนี้จะไม่มีคำว่าขัดหูขัดตาตลอดชีวิตของผมอีกเลย


ในฐานะวิทยากรกับผู้เข้าอบรม เราเล่นสนุกกันในหลายๆเรื่อง
โดยมากจะเกี่ยวกับเสียง อย่างการให้เลียนแบบสิ่งที่เคยได้ยิน
เช่น เมื่อเราพูดถึงไก่ ต้องสื่อความหมายกันอย่างไร จะเอ้กอี้เอก
หรือ กะต๊ากๆ ก็ว่ากันไป ตามแต่ภูมิลำเนาหรือประสบการณ์ของแต่ละคน หากผู้เข้าอบรมไม่เข้าใจคำถามก็จะยกมือขึ้น "เอาแบบย่างหรือไม่ย่างครับอาจารย์" .. นั่น ฮาได้อีก พลอยให้ทั้งห้องมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่ตลอด

พวกเราเหล่าวิทยากรทั้งหลายพยายามที่จะทำตัวเหมือนพวกเขา
เป็นคนปกติ ไม่มองว่าเป็นบุคคลที่น่าสงสาร แม้ลึกๆจะยังรู้สึกอยู่บ้างก็ตาม หลังจากที่ไก่โดนย่างไปแล้ว เสียงอื่นก็มีมาติดๆ อย่าง
ก๊อกน้ำ ฝักบัว มือถือ รถยนต์ จนไปถึงตอนฉี่นั่นเลย เสียงเกิดขึ้น
รอบตัวเราตลอดเวลาและสำคัญสำหรับพวกเขาจริงๆ

บางตอนเราให้ผู้เข้าอบรมเป็นเครื่องดนตรี เมื่อนำเสียงของทุกชิ้น
มารวมกันแล้วก็กลายเป็นเพลงมั่วที่ฟังไม่ได้ศัพท์  โดยไม่มีใคร
ยอมใครเลย แข่งกันเสียงดังจนกลบความไพเราะไปเสียหมด เห็น
วิทยากรปวดหัวแบบนี้แล้วก็ยิ่งชอบใจกันใหญ่ เอิ๊ก เอิ๊ก

ใครจะเชื่อว่าคนตาบอดก็เท้าไฟ  เมื่อถึงยามเต้นก็โยกกันไหล่
หลุด  ผมสงสัยว่าธรรมชาติของพวกเขาจะมีความเขิลอายจาก
อะไรได้บ้างมั้ย  แต่ที่แน่ๆพวกเขามีโลกส่วนตัวสูง โดยจากที่เห็น
ในวันนี้  เด็กหนุ่มน้อยคนนึงซึ่งตาบอดแต่ก็เป็นวิทยากรในกลุ่ม
ของพวกเราเช่นกัน เขาสามารถยืนเต้นป๊อปปิ้งคนเดียวดื้อๆ เป็น
เวลานานแบบไม่แคร์สื่อ ขณะที่เรากำลังคุยกับผู้เข้าอบรมกันถึง
เรื่องอื่น

โลกของเขาต่างจากคนวิกลจริตที่นั่งพูดคนเดียว เพราะเป็นโลก
ที่ยังมีสติและมีสไตล์ แต่ใครกันที่สอนให้เขารู้จักป๊อบปิ้ง และ
ความหลงไหลเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร


มีอีกหลายสิ่งที่เพิ่งจะรู้ เช่น คนตาบอดกินโต๊ะจีนคนละวิธีกับเรา
โดยในจานของพวกเขาจะถูกตักกับข้าวใส่จานไว้ให้พร้อมแล้ว
จึงไม่มีการหมุนโต๊ะเลือกกินเป็นคำๆอย่างคนที่มองเห็น

ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมคนตาบอดจึงสูบบุหรี่กันเยอะนัก ยืนเบียด
พ่นควันกันเป็นกลุ่มโดยไม่สำลักเลยซักนิด เขาสูบกันไปทำไม
ใครแนะนำ และเพื่อความเท่ห์อย่างที่คนตาดีรู้สึกกันไปเองรึป่าว
คนตาบอดจะรู้จักความเท่ห์มั้ย

ทางกายภาพเราอาจได้เปรียบพวกเขา แต่อิสระภาพทางความคิด
ผมว่าบางทีคนตาดีก็อาจจะสู้ไม่ได้  ตาทำให้มนุษย์เกิดความหลง
ได้ง่าย และปิดกลั้นความคิดมากที่สุด การตกอยู่ในความมืดตลอด
เวลาจะทำให้พวกเขาหลับบ่อยกว่าเรามั้ยนะ สารพัดคำถามยังคง
เวียนมาไม่จบสิ้น


ต่างฝ่ายต่างก็เรียนรู้ซึ่งกันละกัน หลังการอบรมจบลง มีหลายคน
พยายามที่จะแสดงออกถึงความรู้สึก โดยมากจะเป็นคำขอบคุณ
สำหรับโอกาส ความสนุกสนานและพวกเราที่เป็นวิทยากร
หากใครได้เห็นด้วยตัวเองก็จะเข้าใจเลยว่ากิจกรรมเหล่านี้มีความ
สำคัญต่อพวกเขามากแค่ไหน อยากให้คนตาบอดในประเทศไทย
ได้มีพื้นที่แสดงออก และขยายการเรียนรู้ได้มากกว่านี้
บางทีพวกเขาอาจจะช่วยเยียวยาสังคม หรือทำประโยชน์ให้แก่
ชาติบ้านเมืองได้มากขึ้นก็เป็นได้

คำถามสุดท้ายที่ผมแอบถามพวกเขา
ถ้าวันนี้คุณมองเห็น อยากเห็นอะไร
เห็นใจไงละครับอาจารย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความลับอิคิวซัง ! เผยไต๋ไอเดียปิ้ง

อิคิวซังคือใครคงไม่ต้องเท้าความกันให้มาก ตอนเด็กๆผมก็เคยเป็นคนนึงที่ตื่นเต้นกับความสามารถสุดล้ำ ของเณรน้อยเจ้าปัญญาผู้นี้ เพราะเพียงแค่เอา...